FASTNEW999 คาสิโนออนไลน์เว็บตรง สล็อตออนไลน์ยอดนิยม ที่ให้คุณสนุกได้ทุกรูปแบบ มาที่เราครบ จบ จ่ายจริง
รถถัง จิตรเมืองนนท์

รถถัง จิตรเมืองนนท์

ชื่อนี้การันตีเรื่องความเดือดบนสังเวียนผ้าใบ

วันนี้เขาคือแชมป์มวยไทยที่ดูแลครอบครัวอย่างสมบูรณ์ แต่ก่อนหน้านี้ ชีวิตของรถถังในวัยเด็กต้องสู้กับความยากจน คำดูถูก สภาพแวดล้อมที่ไม่พ้นจากอบายมุข และลงเอยด้วยสภาพพัวพันสิ่งเสพติด

เด็ก(เคย)ติดยาที่กลายเป็นแชมป์มวยไทยตัวจี๊ดแห่งยุคจากศึก ONE Championship เรื่องฝีมือไม่ต้องพูดถึง ที่เด่นจนต้องพูดถึงคือความแสบบนเวที แถมยังกล้าข้ามไปชกแบบ MMA แม้รู้ดีว่าอาจจบไม่สวยก็ตาม เขาก้าวพ้นสภาพแวดล้อมย่ำแย่มาเป็นแชมป์มวยไทยตัวจี๊ดแห่งยุคที่กล้าไปชกกับนักมวย MMA และลงเอยด้วยสภาพหลับบนเวทีได้อย่างไร The People สัมภาษณ์พูดคุยกับนักมวยไทยรายนี้ ติดตามเรื่องราวชีวิตของเขาจากบทสัมภาษณ์ Fastnew999.com

อยากให้เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่บอกว่า การชกมวยพาชีวิตออกจากความยากจน ครอบครัวมีสภาพเป็นอย่างไร

รถถัง จิตรเมืองนนท์: ก็ฐานะทางบ้านนะครับ ครอบครัวก็คือ ครอบครัวผมมีพี่น้อง 10 คน ผมเป็นคนที่ 8 แล้วก็ฐานะยากจนมาก เคยอยู่บ้านก็ตอนเด็ก ๆ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ต่อยมวย ไปเก็บเศษเหล็กกับแม่ ไปหาปูหาปลา ล้างจานตามงานศพต่าง ๆ อย่างนี้ที่มันได้เงิน อะไรได้เงินก็ไปอย่างนี้เนาะ แล้วก็มันก็จนน่ะ จนมาก คือหาเช้ากินค่ำอย่างนี้ คือพ่อก็ไปทำงานตั้งแต่เช้ากลับค่ำ แม่ก็วันไหนไม่มีเงิน ก็ไปหาปลา หรือสอยมดแดงบ้างอะไรบ้างที่มันทำกับข้าวเพื่อให้ลูก ๆ ได้กินได้ เขาก็ไปหามา

จนผมมาเห็นค่ายอยู่ข้างบ้าน ห่างกันประมาณ 500 เมตร แล้วน้อง ๆ ที่ชก เคยชก เขาก็บ่นมาบอกอยู่ว่าลองมาชกมวยดูสิ มันได้เงินนะ มันได้เงินเยอะอะไรอย่างนี้ มันได้เงินดีอะไรอย่างนี้

แล้วเราเองก็ชอบกีฬาอยู่แล้วด้วย ตอนเด็ก ๆ ก็คือเตะฟุตบอล เล่นทุกอย่างกีฬาโรงเรียนอะไรทำหมด ก็ลองลองดูอย่างนี้ แต่ก่อนที่จะได้ซ้อมก็ไปแอบดูก่อน แอบดูยืนที่ถนน ตรงกลางถนน แต่ค่ายอยู่ฝั่งนี้ แต่ผมดูอยู่อีกฝั่งนึง ดูห่าง ๆ ห่างมากตอนนั้น ดูห่างมากก็เลยแบบยังไม่กล้าเข้าไป แล้วมันเหมือนว่ามีทั้งมวยหญิงด้วย มวยชายด้วยอย่างนี้ คือแบบซ้อมกันได้อย่างนี้ ดูมันสนุกดี เหมือนมีเพื่อนด้วยอย่างนี้ แล้วก็ลองเข้าไปดู ก็ไต่ ๆ เข้าไปจนได้ไปถึงค่าย

แต่ว่าเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะว่าเขามีมวยที่สร้างอยู่แล้ว มวยที่สร้าง เขาบอกอยากซ้อมก็ซ้อมไป เตะกระสอบเล่น เขานึกว่าเราจะมาแค่เล่นเฉย ๆ นะ แต่เราอยากจะอยากชกจริง ๆ เราก็ไปอยู่อย่างนั้นแหละครับ กวาดขยะบนเวทีบ้าง ทำทุกอย่างอยู่อย่างนั้น

คือเตะกระสงกระสอบจนแบบปีนึง ปีเต็ม ๆ เขาก็เลยถามว่ามึงอยากชกมวยเหรอ ผมบอกใช่ครับ ผมอยากชกมวย อยากได้เงินอะไรอย่างนี้ เขาบอกโอเคงั้นเดี๋ยวไปเปรียบมวย ก็คือต้องเล่าว่าตอนเด็ก ๆ อยู่ใต้มันต้องเปรียบมวย

การเปรียบมวยก็คือ สมมติภาคใต้จังหวัดไหนมีค่ายมวย สมมุติพัทลุงจัดมวยอย่างนี้ หาดใหญ่ สงขลา นครศรีฯ มีค่ายมวยอันไหน เขาก็มาเปรียบกัน นักมวยทุกค่ายมารวมกัน มันก็เหมือนเปรียบไก่ เปรียบไก่ตี น้ำหนักได้ ชกมาเท่าไหร่ไฟต์เดียวครับ 2 ไฟต์ครับ ชกกันได้ รูปร่างใช้ได้ น้ำหนักโอเคไม่ห่างมาก ก็จับมือกันไปเซ็นชื่อเพื่อให้ชก นั่นคือสมัยตอนเด็ก ๆ คือจะเป็นการเปรียบมวยแบบนั้น ก็ได้มีรายการชก ขึ้นรายการวันที่ 6 ก็คือผมก็ซ้อม ๆ ทำร่างกาย

วันนั้นเป็นวันที่ 1 แล้วเพื่อน เพื่อนจะชก เพื่อนจะชกแล้วไปถึงเขาบอกว่าแต่เพื่อนป่วย เพื่อนไม่ได้ไป เขาก็เลยใช้ให้ผมไปชกแทน โอ้โห ไฟต์แรกที่ได้ไปชกแทน คือแบบนั่งรถต้องเข้าใจว่าที่ใต้โค้งมันเยอะ เพราะอย่างนั้นผมเมารถ เมารถแล้วอ้วกแบบเยอะมาก อ้วกเยอะมากก่อนชก ก็เลยแบบหมดไส้หมดพุง คราวนี้นวดน้ำมันแล้วชกคู่แรก ออกมาเป็นไฟต์แรกที่แบบตื่นเต้นตั้งแต่เพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้น แบบว่าคนเยอะมาก คือไม่เคยขึ้นไป พอระฆังยก 1 เริ่ม …ว่ายน้ำ ไม่เป็นมวย ใส่หมด 3 ยก ก็ชนะ

รถถัง จิตรเมืองนนท์

ชนะก็ได้รับค่าตัว ได้ค่าตัว 300 บาทไฟต์แรก

โห แบบดีใจ ดีใจที่เห็นแบงก์แดง เพราะว่าตอนเด็ก ๆ คือ 5 บาทไปโรงเรียน คือบางวันมันก็ไม่ได้ เพราะข้าวฟรีแม่ก็ให้ไปกินข้าว เพราะว่าแม่ไม่ค่อยมีเงิน

คือแบบมันแย่มาก ไอติมไม้อย่างนี้ยังกินยากเลย ต้องวีรกรรมแบบไปงัดโรงเรียน เพื่อเอาไม้ไอติมฟรี พี่รู้จักใช่ไหม ไม้ไอติมฟรีมันจะมีเพื่อไปแลก แต่ตอนเด็กนะ ผมก็ต้องไปงัดโรงเรียน งัดเพื่อให้ได้เอาไม้ไอติมฟรีไปแลกอีกวันหนึ่งอะไรอย่างนี้ คือมันจนมาก พอชกได้เห็นแบงก์แดงก็ โอ้โห มันดีใจ

ตอนเด็ก ๆ ผมนี่แบบขาดวัยเด็กเลย ของเล่น ไปเที่ยวเหมือนคนอื่น หรือจัดงานวันเกิดเหมือนคนอื่นเนี่ย ไม่มีเลย คือแบบต้องทำงานตั้งแต่เล็ก ทำงานตั้งแต่เล็กแล้วแบบมันก็แย่มาก ถามว่าร้องไห้ตลอด บางทีอิจฉาพี่สาวเลย พี่สาวกลับมาจากกรุงเทพฯ แล้วจัดงานวันเกิดได้เป่าเค้ก เราก็อิจฉา เราแอบไปร้องไห้บ้างอะไรบ้าง คือวัยเด็กก็…ไม่อยากให้นึกถึงก็ไม่ได้อีก มันก็แบบแย่งกันแบบก็ชกมวยไปเรื่อย ๆ จากไฟต์แรกได้ 300 ก็พัฒนาตัวเอง 500 1,000 1,500 ก็ชกบ่อยขึ้น ๆ ๆ

ชกพัฒนาตัวเองมาเรื่อย ๆ ครับ ก็ไปจนพัฒนามาหลักพัน 3,000 4,000 5,000 ก็ชกมา ก็เริ่มได้ให้แม่ ๆ ๆ มาจน…ให้แม่ แล้วเราก็ได้เล่นเกมบ้าง จากวัยเด็กตอนเรียน ไปโรงเรียนอย่างนี้ไม่มีตังค์ แต่พอมาชกมวย โอ้โห อย่างกับป๋าคนนึง คือแบบสั่งให้ทำการบ้านจ้าง 50 บาทอะไรอย่างนี้ จากเมื่อก่อน 4-5 บาทบางทีก็ไม่มีบ้างอย่างนี้ มันก็ดีได้แบบจริงจังกับมวยอย่างเดียวเลย คือซ้อม

รถถัง จิตรเมืองนนท์

ตอนเด็ก ๆ ไม่กลัวเจ็บเหรอ

รถถัง จิตรเมืองนนท์: ความเจ็บมันต่างกัน ต่างจากผู้ใหญ่ ถ้าโตขึ้นมันจะเจ็บมากขึ้น แต่เด็กมันเหมือนลูกตีกันอะไรอย่างนี้ มันก็เจ็บอีกรูปแบบหนึ่ง แต่มันก็เจ็บนั่นแหละ มีฟกช้ำดำเขียวบ้าง มันก็ธรรมดาของกีฬามวย ก็ชกมาจนมาก็หลักหมื่น

ผมตอนนั้นก็อายุประมาณจะ 14 13 พอเข้า ม. เข้า ม. ต้องเล่าว่าสภาพแวดล้อม คือแบบพอเราขึ้น ม. เนี่ย มันจะแตกต่างนะ ต้องไปเจอรุ่นพี่ยัน ม.6 ม.5 ม.4 พอเข้าไปโรงเรียน มันต้องโดนเพื่อนกดขี่แล้ว บอก เฮ้ย มึงลองสิ่งนี้ดิ ลองสิ่งนี้ ลองดูดบุหรี่ดิ ลองอะไรอย่างนี้ …ก็ได้ลิ้มลองไป ถ้าไม่ทำก็เดี๋ยวโดนรังแก เพราะว่าเราเป็นเด็ก อีกอย่าง สภาพแวดล้อมตอนนั้นก็ยาเสพติดมันเยอะ ผมก็ได้เลยหลงไปอยู่ช่วงหนึ่ง หลงเข้ายา เสพยาบ้า น้ำกระท่อมอย่างนี้ ก็คือเล่นหมด ก็เลยแบบตอนในวัยนั้น เพราะว่าแวดล้อมมันพาไป

มีบอกว่าพยายามจะหนีเรื่องต่อยตีด้วยใช่ไหม

รถถัง จิตรเมืองนนท์: ใช่ครับ เพราะว่าเราว่าโดน เราตัวเล็ก ๆ ตัวดำ ๆ เล็ก ๆ ก็คือตอนเด็กโดนรังแกง่าย ถึงเป็นนักมวยก็แรงสู้รุ่นใหญ่ ๆ ไม่ได้อยู่แล้ว เราก็อยากหลีกหนีตรงนั้น ก็เลยประมาณ ม.2 ม.2 ครึ่งจะจบอยู่แล้ว มันอยู่ไม่ได้ ก็เลยต้องออกโรงเรียน ออกโรงเรียนแล้วก็บินขึ้นไปกรุงเทพฯ แล้วอีกอย่างหนึ่ง ลูกพี่หัวหน้าค่ายเก่า… เขาขึ้นรายการที่ราชดำเนินเป็นไฟต์แรก ผมก็ติดยาด้วย ก็เลยหัก หักดิบทุกอย่างขึ้นไปกรุงเทพฯ ขึ้นไปกรุงเทพฯ ก็ โอ้โห กว่าจะหายอยาก ต้องสูบบุหรี่แบบวันละ 3 ซอง จนแบบหัก ๆ จนแบบไม่เล่นอะไรเลย

เล่าแนวคิดตอนนั้นที่เสพติดหลายอย่างอยู่ คิดอย่างไรว่าเราจะต้องเลิกแล้ว เราจะต้องไปชกมวย ต้องไปทำอะไรที่เราอยากทำ

รถถัง จิตรเมืองนนท์: เราคิดว่าถ้าเรายังอยู่บ้านน่ะ สภาพแวดล้อมพาเราไปเป็นค้ายาแน่ สิ่งต่าง ๆ อย่างนี้ มวยก็ไม่ได้คิดเลย มันจะเล่นอยู่อย่างนั้นเลย มันต้องหาเล่น หาเล่นมันเหมือนเป็นสิ่งเสพติดที่เราขาดไม่ได้ ก็เลยแบบ เอ้ย ไม่ได้แล้ว เราต้องไปหาเงิน เราต้องมีเงิน เราจะกลับไปจนแบบนั้นเหรอ ไอติมก็ยังกินยาก อะไรอย่างนี้ ก็เลยได้ตัดสินใจขึ้นกรุงเทพฯ กับลูกพี่ ก็ได้ชกราชดำเนิน

พอชกราชดำเนินเสมอไฟต์แรก เราได้ค่าตัว 8,000 เป็นไฟต์ที่ได้เยอะที่สุดในการชกมวยตอนอยู่ใต้ เฮ้ย มันก็เกือบหมื่น ได้แบบนั้นก็เลยจริงจัง ทุกอย่างไม่สนใจอะไร อยู่กรุงเทพฯ เลย ออกโรงเรียนตั้งแต่ ม.2 ครึ่ง ก็คือเดินออกจากบ้านตั้งแต่ 14 คืออยู่กับลูกพี่ ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย ตั้งแต่นั้นก็คือชกมวยอย่างเดียว ชกอัศวินดำบ้าง ชกช่อง 11 บ้าง ชกราชดำเนินลุมพินี ชกมาเรื่อย จนค่าตัว 12,000 14,000 16,000 20,000 จนได้เข้าช่อง 7

ตอนนั้นตัดสินใจอย่างไร เพราะคนอื่นอาจจะมองว่าการเรียนคือทางไปสู่อาชีพในอนาคต

รถถัง จิตรเมืองนนท์: ฐานะตรงนั้นไง คนอื่นอาจจะมี ไม่จนมาก แต่พอไปได้ ฐานะพอมีเงินส่ง แล้วเราพี่น้อง 10 คนน่ะครับ เราก็ไม่อยากให้แม่ลำบาก โอ้โห แล้วมีน้องสาว 2 คนนี้อีก ต้องส่งเรียนอีก มันก็เลยแบบเราตัดปัญหาได้ก็แบบหลีกเลี่ยงไป ไม่เป็นไร เราก็เหมือนทำงาน มีโอกาสค่อยว่ากันในอนาคต

มวยนี้ถ้าจะพูดก็คือเป็นทางออกจากความยากจนของพี่

รถถัง จิตรเมืองนนท์: ใช่ครับ มวยเป็นทางออกที่สุดเลย ถ้าไม่ต่อยมวย การศึกษาผมก็ไม่ได้ ไม่รู้จะทำงานอะไร ก็น่าจะเก็บเศษเหล็กเหมือนเดิม หรือไม่ก็ก่อสร้าง ก็ประมาณนั้น ผมคิดว่านะ แล้วถ้าเรายังอยู่บ้าน ก็น่าจะอยู่แค่นั้น ค้ายา Fastnew999.com

รถถัง จิตรเมืองนนท์

พูดถึงสไตล์การชกบ้าง

คนก็จะเห็นว่าพี่รถถังก็จะเดินหน้าลุยไม่กลัวใคร อันนี้มันมาจากตรงไหน มันเกิดจากการฝึกซ้อม หรือมาจากนิสัยส่วนตัว

รถถัง จิตรเมืองนนท์: ผมว่ามันออกมาจากตัวผมเอง แล้วไปถึง ผมก็ไม่รู้ว่าผมทนได้ไง แต่อาจจะเพราะผมผจญภัยมาเยอะไง กว่าผมจะมาถึงจุดนี้ได้ ผมต้องเจอกับสิ่งต่าง ๆ ที่โหดร้ายบ้าง สำหรับผมในวัยนั้นนะ คือมันแย่มาก ๆ

ผมต้องเล่าก่อนว่า พอมาอยู่กรุงเทพฯ มันจะมีแต่คนเก่ง ๆ เราประสบการณ์น้อย พอเราได้มา แล้วอยู่จิตรเมืองนนท์ยิ่งแบบหนักเลย พอได้ชกช่อง 7 ปั๊บ ผมแพ้น็อค เพราะมันมีแต่คนเก่ง ๆ ที่จะขึ้นมาเวทีมาตรฐานอย่างนี้ได้ ผมประสบการณ์ยังไม่ถึงพอ ผมก็เลยไปอยู่อีสาน ไปอยู่อีสาน ไปผจญภัยอยู่อีสาน ไม่ติดต่อครอบครัวเลย

ผมเป็นเด็กที่ Sensitive ถ้าผมเจอปัญหา หรือผมไม่มีตังค์ หรือผมเจอปัญหาอะไรก็ตามเนี่ย ผมจะไม่โทรฯ แบบแม่พ่อขอตังค์หน่อย ผมอยากโตด้วยตัวเอง ในเมื่อผมเลือกออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 14 ผมกลับไปต้องมีชื่อเสียง หรือมีเงิน ไม่ใช่กลับไปโดยไม่มีอะไร ผมไม่อยากให้พ่อแม่ลำบาก เพราะฉะนั้นผมผจญภัย ผมมีเงินอยู่ 5,000 บาท ไปอยู่อีสาน หายประมาณ 2 ปี ก็คือแบบไม่ติดต่อครอบครัว ครอบครัวนึกว่าตายแล้วมั้ง

ผมก็ไปชก ไปทำทุกอย่างเกี่ยวข้าว ทุกอย่าง ผจญภัยทุกอย่าง เจอผู้คนมากมายที่เข้ามาแล้วให้เราเรียนรู้ คนรวยกลับมาจน คนจนกลับมารวยอย่างนี้ เราใช้ชีวิตอยู่กับผู้ใหญ่ คืออยู่อย่างนั้นประมาณ 4 ปี ผมได้มีชื่อเสียงที่อีสานเป็นพระเอกภูธร พระเอกเงินล้านที่อีสาน

ก็คือผมล่าเดิมพันหมด เดิมพัน 700,000 เดิมพัน 1,300,000 ผมกินหมด จนได้กลับมากรุงเทพฯ อีกครั้ง กลับมากรุงเทพฯ อีกครั้งตอน 19 น่าจะ 19 แหละครับ แพ้ แพ้ 5 ไฟต์รวด ท้อจะเลิก แล้วก็ได้กำลังใจจากพ่ออ้วนที่อยู่หัวหน้าค่ายจิตรเมืองนนท์ ก็คือได้กำลังใจ เขาบอกให้สู้เดี๋ยวต้องชนะ ผมก็เลยสู้อีกครั้งหนึ่ง สู้จนมาชนะ ชนะรวด ชนะจน 3 ปี ผมมีชื่อติด 1 ใน 3 ของถ้วยพระราชทาน แต่ก็ไม่เคยได้ … เราก็ไม่เป็นไร จนได้ไปต่อยญี่ปุ่น …

ก็เลยผมไปชกญี่ปุ่น ชกกับเทนชิน (เทนชิน นาสึกาวา) เป็นไฟต์ที่สร้างชื่อเสียงผมเลยก็ว่าได้ สร้างชื่อเสียงก็แบบว่า แพ้นะ แต่กระแสแบบให้ผมชนะ แบบเหมือนโดนโกง คือแบบเขาแบบกระแสแรงมาก คือผมกับเทนชิน คือใครก็รู้จักอะไรอย่างนี้ แต่แบบไฟต์นั้นก็ได้ค่าตัว 400,000 บาท

คือได้เยอะที่สุด ได้เยอะมาก ก็เลยได้เก็บ เก็บเพื่อจะซื้อบ้านให้แม่ เก็บที่จะซื้อบ้านให้แม่ เพราะว่าเก็บแล้วก็มาชกที่ไทย จน Top ในไทยก็ว่าได้ ก็คือค่าตัว 250,000 ในไทยมันน้อยอยู่แล้ว มันจะต่างกับเมืองนอกอยู่แล้ว แล้วก็ได้ไปชกญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่งกับยูกิ (ยูกิ ทะกุชิ) ไปรอบ 2 นี่อย่างกับชกในบ้านเลย คือแฟนมวยญี่ปุ่นเขารัก เขาให้ผมชนะหมดในตอนแรกชกไฟต์แรกอย่างนี้

พอมาชกกับยูกิ ผมก็ชนะ ได้ 400,000 เหมือนกัน ก็ได้เก็บ ๆ มาจน ONE Championship มาเซ็นสัญญา ก็เลยได้เข้า ONE Championship

เข้า ONE Championship ไฟต์แรก 480,000 ค่าตัว ค่าตัว 480,000 มันดีมาก ๆ ก็เลยแบบ มันได้เงินตรงนั้นมาซื้อให้แม่ 900,000 ที่เราเก็บ ซื้อบ้านให้แม่ 900,000 ก็ไม่ได้เห็นแก่ตัว ดูแลเหมือนเดิมอีก ดูแลทุกคนอีก พี่น้อง 10 คนก็ดูแล ก็ชกอีกเก็บ เก็บอีก บวกกับออกรถ บวกออกรถ ก็รอผ่อนรถด้วย บวกเก็บสร้างบ้านให้พ่อ พอเก็บได้สร้างบ้านให้พ่อเป็นล้านกว่า ก็ต่อย ONE Championship ต่อยจนมีเงินเดือนให้พ่อแม่ ดูแลพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคน จนมาได้ชิงแชมป์ ONE Championship ก็คือไฟต์…แฮ็กเกอร์ตี คือแบบเป็นไฟต์ที่พลิกชีวิตผมเลย

ถ้าดูตามไฟต์ก็คือรถถังเป็นฝ่ายเดินหน้าลุย เดินหน้าบวก

รถถัง จิตรเมืองนนท์: ใช่ครับ เพราะว่าสไตล์ผม ผมคิดว่าในเมื่อผมเลือกที่จะทำอาชีพนี้ ต่อสู้ ผมอยาก แล้วเวลาตรงนั้นน่ะยกนึงไม่กี่นาทีหรอก แล้วเวลาตรงนั้นเป็นเวลาของผม ผมอยากโชว์ในความเป็นผมให้ทุกคนที่มาดูประทับใจในตัวผม สิ่งไหนที่อยากทำ และเป็นตัวของผมได้ให้ทุกคนรักเนี่ย ผมอยากทำตรงนั้นแหละ เอกลักษณ์ท่าทาง ผมมีความสุขในการชกมวย ไม่ใช่ว่าไปกวนตีนเขา ผมมีความสุขที่จะเล่นแบบนี้อะไรอย่างนี้

แล้วพอมาไฟต์ที่จะไปชกกับซุปเปอร์เล็กสุดท้ายได้เจอกัน แต่เหมือนเจ็บ ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น

รถถัง จิตรเมืองนนท์: ก็คือต้องบอกว่า ผมมาเก็บตัวที่ค่ายแฟนก็คือซ้อมกับน้องแสงอาทิตย์ เขาเป็นแชมป์สากล น้องแสงอาทิตย์ก็คือเขาอยู่อันดับ 13 ของโลก สากลนะครับ แล้วชกกติกาคิกบ็อกซิ่ง ผมจะไปชกกับซุปเปอร์เล็กกติกาคิกบ็อกซิ่ง มันก็คล้ายๆ สากล ทักษะหมุนแบบออกหมัดเป็นชุด เตะขา … มันตีเข่าไม่ได้ สับศอกไม่ได้อย่างนี้

ผมก็เลยมาเน้นลงนวม เน้นลงนวมวันละ 10 ยกๆ แล้วไปถึง พอลงมาก เจ็บช่วงบั้นท้ายอย่างนี้ครับ ก้นกกอย่างนี้ครับ เราโยกอาศัยโยกสายตา มันโยกบ่อยแล้วแบบตอนแรกมันเป็นนิดเดียว ผมก็กินยาเดี๋ยวมันก็คงดีขึ้น พอกินปั๊บมาซ้อมต่อ ซ้อมแล้วก็เตะเป้าเหมือนเดิม พอใช้สวิงมาก มันไม่นิดเดียวแล้ว ผมดื้อไม่ไปหาหมอ ดื้อมามากวันเข้า ยาหมดแผง ทำไมไม่หาย พอหลังๆ เวลาเรานั่งเนี่ย หายใจเข้ามันเหมือนมันแทง แทงเข้ามาแบบเจ็บ เวลาเราถ่ายเราเบ่งอย่างนี้แบบมันแทง เหมือนมีอะไรแทงอยู่เข้ามาในท้อง เจ็บแบบบิดตัวไม่ได้ เวลานอน ผมนอนอย่างนี้นอนงอๆ อย่างนี้ยืดไม่ได้ๆ

รถถัง จิตรเมืองนนท์

ถึงความรักบ้างครับมาเจอกับน้องไอด้า มีความรักได้ยังไง

รถถัง จิตรเมืองนนท์: Social ก่อน เพราะว่าเขาก็เป็นนักมวย ก็คือเขามาติดตามผม คือเขามาเพิ่มเพื่อนใน Face (book) ผมก็เลื่อนรับ ๆ รับไปตอนนั้น เขาติดตาม เหมือนก็ชอบแหละมั้ง แล้วผมก็เป็นคนที่ผู้ชายเนาะ เออ มันก็ต้องตอดอยู่แล้ว มันมีใช่ไหมพี่ โอเค ต้องมีตอดหน่อย หย่อนเบ็ดเหยื่อปลอมไปดูว่าปลามันจะติดป่าว แต่ติด ตกลงติด ก็เลยต้องหว่านเหยื่อจริงไป ตอนนั้นเขาอายุ 17 มั้ง เขาห่างกับผม 5 ปี ตอนนั้นคือผมชกมวยแบบทำงาน ทำแต่งาน คือดูแลครอบครัว ไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้ไปเที่ยว ไม่ค่อยได้ผ่อนคลาย

ก็ได้มาลองคุยกัน ก็คุย ๆ ไปแล้วความเด็กเขาทำให้เราเวลาเราเครียดนะ ความเด็กน้องเขาเล่น ทำให้เรายิ้มได้อย่างนี้ คุยกันแล้วเข้าใจกัน เขาก็เป็นนักมวยนะ ก็ได้คุยกันมาตั้งแต่นั้นนะครับ ก็ประมาณ 2 ปี 2 ปีก็มีพอมาช่วงนึง ก็คุยกันประมาณ 2 ปี ตอนแรกก็ว่าจะแต่ง แต่ก็ไม่ได้แต่ง ก็พอมาจะเข้าปีที่ 3 เหมือนความคิดเราคนละมุมกันแล้ว เขาวัยเด็ก เราก็ผู้ใหญ่พอมาเจอผู้คน คือเข้าหาผู้ใหญ่หลัก ๆ มากขึ้น เราก็อีกความคิดนึง วางแผนอีกอย่างนึง แล้วเวลาการทำงานผมมันเยอะ ทำงานจนไม่ได้มีความใส่ใจอะไรเขามากอย่างนี้ ก็ได้หยุดไปช่วงนึง ไม่นานก็เลยแบบได้กลับมา ก็ปรับความเข้าใจกันจูนกัน จูนกันจนปรับกันได้แล้ว แล้วอีกอย่าง ผมก็มีบ้านมีอะไรเป็นของตัวเองทุกอย่างแล้ว ก็เลยได้กลับมาคุย ก็ได้แต่งงาน

พอแต่งงานชีวิตเปลี่ยนแปลงยังไง

รถถัง จิตรเมืองนนท์: พอแต่งงานก็จากที่พี่อย่างนี้น้องก็ตาม พี่อย่างนู้นน้องก็อย่างนู้น แต่พอแต่งไป พี่อย่างนี้ น้องสวนอย่างนั้น น้องขัดอย่างนู้นอย่างนี้ คือเขาจะขัดแล้ว (หัวเราะ) แต่ก็เข้าใจกัน เราจะได้มีเขาแบบนั่งคุยกันเวลาผมทำงานหรืออะไรอย่างนี้ แบบเหนื่อยจากมวยเหนื่อยจากอะไรก็ได้มีเขาอยู่ อยู่ตรงหน้าอย่างนี้ ได้คุยกัน ได้ปรึกษากัน จะเอายังไง อะไรประมาณนั้น ไปไหนก็ไปด้วยกัน จะได้มีเพื่อนไปอย่างนี้ครับ

ชีวิตของรถถังผ่านมาถึงทุกวันนี้ มีความสุขไหม ความสุขของรถถังคืออะไร

รถถัง จิตรเมืองนนท์: ความสุขของผมคือครอบครัว ความสุขของผมก็คืออยากให้ครอบครัวไม่อดอยาก ให้มีกินอิ่มนอนหลับ ไม่จำเป็นต้องรวยเหมือนคนอื่น อยากให้เขาดูแลตัวเองได้ อยากให้เขาแข็งแรงด้วยตัวเอง เพราะว่าทุกวันนี้คือผมตั้งแต่ต่อย ONE Championship ผมบอกพี่น้องทุกคนว่า ให้ดูแลตัวเองกับลูก ๆ ที่มีให้ได้ พ่อแม่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง ทั้งบ้านพ่อ บ้านแม่ ผมรับผิดชอบเอง คือค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เงินเดือนทุกอย่าง เดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง ส่วนพี่ ๆ ดูแลครอบครัว คนไหนมีผัวก็ดูแลให้ได้ ถ้ามันจนมุมจริง ๆ โทรฯ มา เราจะเป็นที่พึ่งให้ ผมอยากเห็นครอบครัวมีความสุขแค่นั้นเองครับ

ตอนนี้มีวางแผนอนาคตว่าจะทำธุรกิจค่ายมวยไหม

รถถัง จิตรเมืองนนท์: แน่นอนครับ ผมอยากเปิดค่ายมวยของตัวเอง แล้วแบบอยากเปิดร้านอาหารอยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ก็คืออยากทำ ถ้าผมรวยเป็นพันล้าน หรือรวย ๆ นะ ผมอยากเปิดยิมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย แล้วอยากให้ทุกคนมาฝึกได้โดยไม่คิดเงิน แต่ถ้าใครอยากเตะเป้ากับอาจารย์คนไหน จ่ายเขาไป 100-200 ค่าน้ำ ค่าเหนื่อย ผมอยากเปิด ผมอยากให้ทุกคนมาเรียนมวยมากกว่า อยากให้เด็กผู้หญิง ผู้ชาย คนแก่มาฝึกมวย เอาไว้เพื่อป้องกันตัว ผมคิดว่าในเมืองไทยมันมีเหตุการณ์เยอะมากที่อันตราย ถ้าทุกคนได้มีมวยไทย ฝึกมวยไว้ป้องกันตัว คือแบบมันดีมาก ๆ กว่าบางคนไม่เป็นมวย ไม่เป็นอะไรเลย พอเจอเหตุการณ์จี้หรือฉุดอะไรอย่างนี้ จะร้องขอช่วย ไม่ทันแล้ว…แต่ถ้าเรามีมวย ไม่จำเป็นต้องใช้มีดหรอก ใช้ศอก… เดี๋ยวโจรมันก็กลัว มีเหลี่ยมกระตุกให้โจรล้ม เราสามารถวิ่งหนีได้ อะไรอย่างนี้ คืออยากให้ทุกคนมาฝึกเพื่อป้องกันตัว ไม่ได้ฝึกมวยเพื่อไปท้าตีท้าต่อยใคร ผมอยากเปิดแบบนั้น

เคยคิดถึงเวทีสุดท้ายในชีวิตไหม

รถถัง จิตรเมืองนนท์: เวทีสุดท้ายเหรอ ยังไม่เคย ถ้าผมยังเป็นแชมป์ ONE อยู่ ผมก็น่าจะเวทีสุดท้ายใน ONE Championship ใช่ครับ อยากไป ถ้ามีหนทาง ถ้าสากลสนใจนะครับ inbox มาได้ (หัวเราะ) ใช่เหรอ พรีเซนต์กันอย่างนี้เลยเหรอ คือได้หมด ทั้งสากล คิกบ็อกซิ่ง มวยไทย MMA ใช่ครับ หรือว่านอกรอบการเตะฟุตบอล ถ้าโค้ชคนไหนเห็นแววผม เอาไปเก็บลูกฟุตบอลได้ครับ (หัวเราะ)

UFC สนไหม

รถถัง จิตรเมืองนนท์: UFC ผมอยากลองหมดนะครับ แต่อยู่ที่ว่าโอกาส ใช่ครับ โอกาส โอกาสและเวลา อะไรก็ไม่แน่นอนหรอกครับ ต้องรอดูในอนาคต แต่ในเมื่อผมยังเป็นแชมป์ ONE ผมอยากรักษาแชมป์ ONE ให้นานที่สุดแค่นั้นเอง อ่านต่อได้ที่ Fastnew999.com

FASTNEW999 คาสิโนออนไลน์เว็บตรง

ครองอันดับในใจคนไทย 10 ปีซ้อน

บาคาร่า FASTNEW999 คาสิโนออนไลน์เว็บตรง ที่ดีที่สุด เพื่อประสบการณ์ที่ดีของผู้เล่นอย่างแท้จริง แบบ FASTNEW999